logo

โครงการประเมินขอบเขตการปนเปื้อน และแนวทางฟื้นฟูสารอันตรายในแหล่งน้ำบาดาล
บริเวณ ตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราชบุรี และตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี

|


กิจกรรมและวิธีดำเนินการ


  1. การรวบรวม จัดทำฐานข้อมูล และทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้อง
  2. การสำรวจภาคสนาม ประกอบด้วย กิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
    1. สำรวจอุทกธรณีวิทยา การใช้ประโยชน์ที่ดิน และสภาพข้อมูลพื้นที่ศึกษา
    2. สำรวจทางธรณีฟิสิกส์ (Geophysical survey) ด้วยวิธีการวัดค่าความต้านทานไฟฟ้า เพื่อตรวจสอบลักษณะการวางตัว ขอบเขตการกระจายตัวของหิน และรอยแตกของหินในพื้นที่ เพื่อศึกษาโครงสร้างธรณีวิทยาที่เป็นตัวควบคุมระบบชลศาสตร์ของแหล่งฝังกลบขยะ และเพื่อระบุขอบเขตของบริเวณที่คาดว่าจะเป็นแหล่งกำเนิดสารปนเปื้อน
    3. ดำเนินการเจาะดิน-หินในตำแหน่งที่กำหนด โดยใช้เครื่องเจาะแบบ Direct Push และวิเคราะห์คุณสมบัติ ดิน-หิน แบบต่อเนื่อง ซึ่งสามารถทราบลักษณะชั้นดินชั้นหิน คุณสมบัติการยอมให้น้ำซึมผ่าน (Hydraulic conductivity) คุณสมบัติการซึมน้ำ (Permeability) พร้อมทั้งวัดค่าสารอินทรีย์ระเหยง่ายทั้งหมด (Total VOCs) และสารประกอบปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนทั้งหมด (Total Petroleum Hydrocarbon; TPH) ด้วยเครื่องมือตรวจวัดสารปนเปื้อนอันตรายแบบทันที ด้วยเทคนิค Membrane Interface Probe (MIP) จากทุกตำแหน่งที่ทำการเจาะดินเพื่อยืนยันขอบเขตการปนเปื้อน
    4. เก็บตัวอย่างตะกอนท้องน้ำ ดิน จำนวนไม่น้อยกว่า 15 ตัวอย่าง วิเคราะห์หาสารปนเปื้อน
    5. เก็บตัวอย่างน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน เพื่อติดตามคุณภาพน้ำ/โลหะหนัก/VOCs/TPH จำนวนไม่น้อยกว่า 100 ตัวอย่าง วิเคราะห์หาสารปนเปื้อน ตามมาตรฐานที่กำหนดโดยกรมควบคุมมลพิษ ได้แก่ มาตรฐานคุณภาพดิน มาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน และมาตรฐานคุณภาพน้ำใต้ดิน
    6. การรังวัดค่าระดับภูมิประเทศ หาค่าระดับแรงดันของน้ำบาดาล เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินทิศทางการไหลของน้ำบาดาล
    7. ก่อสร้างบ่อสังเกตการณ์ จำนวน 20 บ่อ เพื่อใช้ติดตามตรวจสอบระดับน้ำ ประเมินคุณสมบัติทางชลศาสตร์ และติดตามการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำ ทุก 3 เดือน