| 
ประชาชนในพื้นที่บริเวณตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราชบุรี และตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ได้ร้องเรียนต่อหน่วยราชการหลายครั้งเรื่องความเดือดร้อนจากมลพิษทางกลิ่น และการปล่อยน้ำเสียของโรงงานของบริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ทำให้เกิดการปนเปื้อนมลพิษในลำห้วยสาธารณะ หรือห้วยน้ำพุ ซึ่งไหลผ่านพื้นที่เกษตรกรรมบริเวณรอยต่อของตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราชบุรี และตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี รวมทั้งสระน้ำ บ่อน้ำตื้น และบ่อน้ำบาดาลของประชาชนบริเวณใกล้เคียงโรงงาน
จากการตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดิน ภายในโรงงาน และพื้นที่โดยรอบโรงงาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ถึงปัจจุบัน โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าปริมาณโลหะหนัก และสารอินทรีย์ระเหยง่ายเกินเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำใต้ดิน ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 20 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 ทั้งบริเวณภายใน และภายนอกโรงงาน ซึ่งยังคงเป็นปัญหาหลักของการปนเปื้อนในน้ำบาดาลของพื้นที่ โดยตรวจพบโลหะหนัก ได้แก่ นิกเกิล ส่วนสารอินทรีย์ระเหยง่ายตรวจพบมีซิส-1, 2-ไดคลอโรเอทิลีน และไวนิลคลอไรด์ มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำใต้ดิน (70 และ 2 ไมโครกรัมต่อลิตร ตามลำดับ) และมีปริมาณความเข้มข้นเพิ่มขึ้นมากจากการตรวจวัดในช่วง เดือนสิงหาคม 2559 ถึง ตุลาคม 2560 พบปริมาณไวนิลคลอไรด์มีค่าเพิ่มขึ้นจาก 7-28 ไมโครกรัมต่อลิตร เพิ่มขึ้นเป็น 461 ไมโครกรัมต่อลิตร ในการตรวจวัดในช่วง เดือนกรกฎาคม 2561 ทั้งนี้ สารไวนิลคลอไรด์เป็นสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง การปนเปื้อนของสารดังกล่าวในแหล่งน้ำใต้ดิน และน้ำผิวดินจึงอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของแหล่งน้ำ และสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ที่มีการใช้น้ำใต้ดินในการอุปโภค และบริโภค
จากสถานการณ์การปนเปื้อนสารอันตรายในดิน และการปนเปื้อนในน้ำใต้ดินอาจเกิดจากกิจกรรม ในพื้นที่โรงงาน แล้วแพร่กระจายไปตามทิศทางการไหลของน้ำใต้ดิน ซึ่งโดยทั่วไปจะไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ได้แก่ ห้วยน้ำพุ และพื้นที่ที่อยู่ท้ายน้ำ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการศึกษาเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารอันตรายลงสู่ชั้นน้ำใต้ดิน และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลาม ส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ในอนาคต
กรมทรัพยากรน้ำบาดาลซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจโดยตรงในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการศึกษาการปนเปื้อนสารอันตรายลงสู่ชั้นน้ำใต้ดิน และแหล่งน้ำธรรมชาติ ตลอดจนทำการศึกษาหาขอบเขต และความรุนแรงของการปนเปื้อน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อน และการบำบัดฟื้นฟูต่อไปก่อนที่จะเกิดผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การแก้ไข และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน และยั่งยืนต่อไป
